ความสำเร็จอีกขั้นของ ททท. บนเส้นทางสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจแห่งโลกอาหรับและประตูเชื่อมยุโรป–เอเชีย
ช่วงเดือนตุลาคม 2568 นี้ ประเทศไทยกำลังจะต้อนรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์ Etihad Airways เส้นทางอาบูดาบี–กระบี่ ซึ่งถือเป็นหมุดหมายสำคัญในประวัติศาสตร์การท่องเที่ยวไทย
เพราะนี่ไม่ใช่แค่ “เที่ยวบินใหม่” แต่คือ “ยุทธศาสตร์การเชื่อมโยงภูมิภาค” ที่จะยกระดับศักยภาพการท่องเที่ยวของประเทศไทยไปอีกขั้น
สำหรับผู้ที่ติดตามอุตสาหกรรมนี้มานานจะรู้ว่า การเปิดเส้นทางบินตรงจาก ศูนย์กลางการบินระดับโลกอย่างอาบูดาบี มายังเมืองท่องเที่ยวภาคใต้ของไทยนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ ต้องอาศัยทั้งข้อมูล ความร่วมมือ และการเจรจาทางเศรษฐกิจระดับประเทศ
ซึ่งหน่วยงานหลักอย่าง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ทำหน้าที่อย่างยอดเยี่ยมในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับสายการบินและภาคเอกชนต่างชาติว่า “ประเทศไทยพร้อมแล้ว” ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ความปลอดภัย และศักยภาพของตลาด
เส้นทาง อาบูดาบี–กระบี่ มีความหมายมากกว่าการเดินทาง เพราะตะวันออกกลางคือแหล่งนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูงสุดแห่งหนึ่งของโลก
นักท่องเที่ยวจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย และคูเวต มีรายได้ต่อหัวสูงและนิยมท่องเที่ยวแบบครอบครัว (Family Trip) หรือพักผ่อนระยะยาว (Long Stay) โดยมองหาประสบการณ์ที่ผสมผสาน ธรรมชาติระดับพรีเมียม ความเงียบสงบ ความปลอดภัย และบริการคุณภาพสูง ซึ่ง “กระบี่” คือจุดหมายที่ตอบโจทย์เหล่านี้ครบถ้วน
การมีเที่ยวบินตรงจะช่วยลดเวลาเดินทางจากกว่า 12 ชั่วโมงเหลือเพียงไม่ถึง 7 ชั่วโมง ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นตัวเลือกที่ใกล้กว่า สะดวกกว่า และคุ้มค่ากว่าสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับบนจากตะวันออกกลางที่เคยเลือกยุโรป หรือมัลดีฟส์ เป็นจุดหมายหลักมาก่อน
เมื่อพิจารณาตามแผนพัฒนา “Value over Volume” ของ ททท. เส้นทางนี้จึงมีความสำคัญเชิงกลยุทธ์อย่างยิ่ง เพราะเป็นการดึงกลุ่ม “High-Spending Market” เข้ามาเพิ่มสัดส่วนรายได้ โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มจำนวนผู้เดินทางมากเกินศักยภาพของเมือง
ซึ่งเป็นแนวทางการเติบโตที่ยั่งยืนและสอดคล้องกับเป้าหมายเศรษฐกิจ BCG (Bio–Circular–Green Economy) ที่รัฐบาลไทยกำลังผลักดัน
เบื้องหลังเที่ยวบินปฐมฤกษ์นี้คือการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่าง ททท. กรมท่าอากาศยาน และสายการบิน Etihad Airways
โดย ททท. ได้ออกแบบแผนประชาสัมพันธ์และการตลาดร่วมกันอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การเชิญ สื่อมวลชนและผู้ทรงอิทธิพล (Key Opinion Leader) จากประเทศในกลุ่ม GCC เดินทางสำรวจเส้นทาง (FAM Trip) เพื่อสร้างกระแสการรับรู้ ไปจนถึงการจัดเตรียมเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงกระบี่–เชียงใหม่ เพื่อเตรียมเปิดเที่ยวบิน อาบูดาบี–เชียงใหม่ ในเดือนพฤศจิกายน 2568
ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า ททท. ไม่ได้ทำงานแบบ “Reactive” แต่ขับเคลื่อนเชิงรุก โดยใช้ ยุทธศาสตร์การบินเป็นเครื่องมือเชิงเศรษฐกิจ (Aviation as Tourism Engine) เพื่อกระจายรายได้จากนักท่องเที่ยวสู่เมืองรองและชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเป็นหัวใจของการพัฒนาท่องเที่ยวยั่งยืน
การเปิดเส้นทางบินตรงครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มโอกาสสร้างรายได้ให้กับธุรกิจโรงแรมระดับหรู รีสอร์ตเชิงสุขภาพ ร้านอาหารฮาลาล สปา รวมถึงผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยวและบริการท้องถิ่นของกระบี่และจังหวัดใกล้เคียง
นอกจากนี้ ยังจะกระตุ้นให้เกิดการจ้างงานและการลงทุนใหม่ ๆ ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ “ภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตานานาชาติ” ที่จะได้รับการยกระดับในฐานะจุดหมายปลายทางระดับโลกที่มีมาตรฐานสูงและเข้าถึงง่าย ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ ททท. ทำงานอย่างต่อเนื่องมาตลอดหลายปี
ในมุมมองเชิงยุทธศาสตร์ การเปิดเส้นทาง “อาบูดาบี–กระบี่” คือการต่อจิ๊กซอว์สำคัญในแผนพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ที่ขับเคลื่อนด้วยแนวคิด “คุณภาพแทนปริมาณ” และ “เศรษฐกิจสีเขียวแทนการบริโภคเกินจำเป็น”
สิ่งที่เห็นไม่ใช่แค่เที่ยวบินปฐมฤกษ์ แต่คือ “แบบจำลองของความสำเร็จ” ที่เกิดจากวิสัยทัศน์และการประสานงานอย่างมืออาชีพของ ททท. และพันธมิตรระดับโลก ที่มุ่งมั่นทำให้ประเทศไทยไม่เพียงเป็น “จุดหมายปลายทางของการพักผ่อน” แต่เป็น “ศูนย์กลางของคุณค่าแห่งการท่องเที่ยวในเอเชีย” อย่างแท้จริง
#อาบูดาบีกระบี่
https://www.facebook.com/share/p/19q95NqnCF/
ปชส.กระบี่
สำนักข่าวไทยทราเวลเพรส THAI TRAVEL PRESS